โฆษณาถุงยาง "28% ของผู้หญิงที่ขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอม" กับ สถิติการข่มขืนในไทย


วันนี้เจอเหตุการณ์บนอินเตอร์เน็ตที่ไม่อาจให้อภัยได้ครับ

เรื่องของเรื่อง คือ เพจ Durex Thailand เนี่ย ไปโพสต์ ภาพ ที่มีข้อความว่า

"28% ของผู้หญิงที่ขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอม"

แล้วมีข้อความที่แอดมินเพจDurex ดันคะนอง เขียนข้อความใต้ภาพว่า

"เค้าเรียกว่าขัดขืนพอเป็นพิธี ใช่ป่ะ (รูปหน้าใส่แว่น) ไหนมาcommentซิ"








ผมเจอแล้วก็อึ้งครับ ไม่น่าเชื่อว่า จะมีข้อความที่ส่งเสริมให้ เกิดการข่มขืน ออกมาจาก ยักษ์ใหญ่ของบริษัทถุงยาง 

ซึ่งจริงๆผมมี สองประเด็นหลัก ที่อยาก จะพูดถึง

1. ข้อความชิ้นนี้ ไม่เป็นประโยชน์ต่อ บริษัทดูเร็กซ์

มีหลายคนบอกว่า บริษัทไม่สนใจสังคม มัวแต่จะส่งเสริมยอดขาย อย่างเดียว
ซึ่งจริงๆ แล้ว ถ้าเกิดการข่มขืนมากขึ้น ผมว่า ยังไงก็ไม่ดี กับบริษัทถุงยาง
ผลน่าจะประมาณนี้

จำนวนการข่มขืนมีมากขึ้น --> ผู้หญิงกลัวการมีเพศสัมพันธ์มากขึ้น --> การมีเพศสัมธ์ที่ถูกต้องน้อยลง --> ยอดขายถุงยางน้อยลง

คือ พวกอาชญากรข่มขืนไม่อยู่กลุ่มลูกค้าของดูเร็กซ์นะครับ ( จาก study ชิ้นนึงในอเมริกา รายงานว่า 70%ของผู้กระทำผิด ไม่ใส่ ถุงยางขณะกระทำการละเมิดทางเพศhttp://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3525079/)

2. สถานการณ์การข่มขืนในเมืองไทย

หลังจากเหตุการณ์ของน้องแก้มเกิดขึ้น 

ผมก็นั่งคิดอยู่ว่า ในเมื่อตำรวจไทย อาญากรข่มขืนได้บ่อยๆ และ เมืองไทยก็แทบจะมีโสเภณีเกือบทุกแห่งหนของประเทศ (ที่เกือบจะถูกกฎหมาย หรือ ผิดกฎหมายก็ตาม ตาม อาบอบนวด นวดสปา คาเฟ่ คาราโอเกะ)

ทำไม ข่าวข่มขืน ในเมืองไทย ดูเหมือนไม่ได้ลดลงเลย 

วันนี้ก็เลยมานั่งค้นข้อมูล ดูว่า ตกลงสถิติ ที่เป็นตัวเลข ตรงๆ เนี่ย มันเท่าไรกันแน่ ซึ่งปรากฎว่า ข้อมูลที่น่าเชื่อถือ หาได้ไม่ง่ายนักในอินเตอร์เน็ต
(เช่น ไทยรัฐ พาดหัว กรุงเทพ แชมป์ข่มขืน 87 ราย พอกดเข้าไปดู เป็นสถิติความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กซะงั้น แป่ว)

ซึ่งที่เห็นๆจะน่าเชื่อถือได้ จาก Nationalmaster(ที่เอามาจากUNODCอีกที) สถิติของเราอยู่ประมาณ 4,636 รายในปี 2010 หรือ ุอันดับ 9 จาก 57 ประเทศ

ซึ่งลดลงจากช่วงพีก คือ 5308รายในปี 2006
(http://www.nationmaster.com/country-info/stats/Crime/Violent-crime/Rapes#2006)

ซึ่งจริงๆ ดูเหมือน จะเลวร้าย แต่เมื่อเทียบอัตราการข่มขืนต่อ ประชากร 100,000คน ของเราตัวเลขตือ เหยื่อ 6.7 คน ต่อ 100,000 คน ซึ่งจริงๆก็ไม่ได้แย่เท่าไร อันดับ 27 จาก 57 (ตามรูปนะครับ เขียวเข้มมาก แปลว่า อัตราข่มขืนสูง เขียวอ่อนคือ น้อย ขาวคือไม่มีข้อมูล)






แต่ตัวเลขทั้งหมดทั้งปวงเนี่ย keyword อยู่ที่ คำว่า reported (คือที่ไปแจ้งตำรวจ) คือ กลุ่มคนที่โดนข่มขืนแล้วไม่ได้ไปแจ้ง ไม่นับอยู่ในตัวเลขพวกนี้
(กลุ่ม 27%ของเพจดูเร็กก็ไม่รวมในตัวเลขนี้เหมือนกัน) ซึ่งในเชิงวัฒนธรรมของแต่ละประเทศก็ต่างกันออกไป อย่างอเมริกา ซึ่งมีสถิติอัตราการข่มขืนเป็นที่หนึ่งของโลก อาจจะเนื่องจาก ที่นี่มีวัฒนธรรม ในการ speak up (ถ้าโดนทำ ต้องพูด อย่าอาย ห้ามเงียบ) แต่เมืองไทยในเรื่องของ women empowerment ยังน้อยมาก เมื่อเทียบกับประเทศในตะวันตกหลายๆประเทศ
ซึ่งอาจเป็นไปได้ ว่า สถิติการข่มขืนของประเทศไทย อาจไม่แสดงความเป็นจริงของสถานการณ์จริงในเมืองไทยออกมา

สรุป

เรากำลังทำได้ดีแล้วครับ อัตราการข่มขืนของบ้านเราหลังจากปี 2006 ลดลงมาโดยตลอด ผมว่ากระแสกดดันทางโซเชี่ยลเนี่ย จะทำให้ผู้มีแนวโน้มที่จะกระทำผิดทางเพศ ลดลงได้ ตอนแคมเปญน้องแก้ม ที่บอกว่า ข่มขืน=ประหาร แม้ผมจะไม่เห็นด้วยในวิธีคิดในเชิงอาชญวิทยา แต่สิ่งที่เราได้จากมัน คือ สังคมที่ประกาศว่า เราไม่ยอมรับการข่มขืนในสังคมของเรา

มาถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ ที่บริษัทยักษ์ใหญ่ถุงยาง กลับ ส่งเสริมการข่มขืน เสียเอง

ประชาชนอย่างพวกเราปล่อยไว้ไม่ได้ครับ แชร์ด้วยนะครับ

ปล. ล่าสุดแอดมินเพจ ออกมาลบภาพดังกล่าวแล้ว แต่อ้างว่า เป็นการเข้าใจผิดขออภัยที่สื่อสารผิดพลาด

"เนื่องจากเกิดประเด็นความเข้าใจผิดจากข้อความที่ทางเพจได้โพสต์ขึ้นไป ทาง Durex Thailand ต้องขออภัยในความผิดพลาดเป็นอย่างสูง ทางเราขออนุญาตลบโพสต์ดังกล่าวออกไป เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดในข้อความดังกล่าวเพิ่มมากยิ่งขึ้น และทางเราจะระมัดระวังในการให้ข้อมูล การเลือกใช้คำในการสื่อสารให้ดียิ่งขึ้น ต้องขออภัยมา ณ ที่นี่อีกครั้ง"

ไม่ได้มีการยอมรับผิดแต่อย่างใด

Comments

Popular posts from this blog

ล้อการเมืองของจุฬา หายไปไหน ผมมีเรื่องมาเล่าให้ฟังครับ

ผ่านไปแล้วครึ่งปี บทเรียนของสังคมไทยจากกรณีน้องแก้ม (ลืมไปรึยังนะ)

ทำไมแท็กซี่จึงปฎิเสธผู้โดยสาร (แล้วจะแก้ปัญหายังไงดีนะ)